ผู้ ที่ทำบุญใหญ่เช่นก่อตั้งมูลนิธิไว้หวังว่าจะได้บุญไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าทำไว้แล้วไม่ได้คิดถึงเลย จนกระทั่งไปเกิดในภพใหม่ โดยไม่ได้เกิดเป็นเปรตชนิดที่รอรับส่วนบุญได้ บุญนี้จะสืบต่อไปอีกหรือไม่ กับการทำบุญครั้งเดียวแต่คิดถึงบุญนั้นอยู่บ่อยๆจนตาย อย่างไหนจะดีกว่ากัน อย่างไร
การทำอะไรไว้แล้วไม่ยอมรับรู้ หรือติดตามกิจการงานที่ตนได้กระทำไว้แล้วนั้นท่านจัดว่าเป็นความเสีย หายอย่างมากมายทีเดียว เพราะบุคคลไม่พึงละกรรมดีที่ตนได้กระทำไว้ ขณะที่เราละกรรมดีไปนั้น เราอาจหลงคว้ากรรมที่ไม่ดีงามมาก็ได้
จริง อยู่การกระทำบุญที่เป็นมูลนิธินั้นย่อมมีผลไม่สิ้นสุดก็จริง แต่ถ้าตัวของท่านผู้กระทำไม่เคยสนใจแม้แต่การนึกถึงเลยเช่นนี้ เราจะได้รับผลประโยชน์เหล่านั้นด้วยวิธีไหนและอย่างไร เหมือนๆกับเราพยายามเปิดก๊อกน้ำประปาเข้าไว้ แต่เราไม่ได้นำเอาตุ่ม หรือภาชนะไปรองรับน้ำไว้เลย แล้วเราจะรับน้ำนั้นได้อย่างไร มันก็ไม่ได้น้ำเท่านั้นเอง
บุญที่เราได้ก่อตั้งมูลนิธิไว้นั้น ท่านผู้จัดการมูลนิธิก็ดี ท่านที่ได้รับการกัลปนาผลจากมูลนิธิเหล่านั้นก็ดี ท่านย่อมจะอนุโมทนาให้แด่ท่านผู้ที่ได้ก่อตั้งมูลนิธิเหล่านั้นตลอดเวลา เหมือนกับสายน้ำที่หลั่งไหลออกมาจากก๊อกประปา ที่เราได้เปิดมันไว้ ฉะนั้นเมื่อเราไม่ยอมรับรู้ บุญก็ย่อมจะเกิดขึ้นกับเราไม่ได้
ทั้งๆ ที่มีชีวิตอยู่แท้ๆ เรายังมีความประมาทถึงเพียงนี้ จะป่วยกล่าวไปใยถึงวาระเมื่อเราตายไปแล้วเล่า เป็นอันว่าเป็นผู้ขาดจากบุญคติไปแล้วอย่างน่าเสียดาย
ส่วนการทำบุญ กุศลแล้วพยายามติดตาม ระลึกนึกคิดอยู่บ่อยๆ ก็ย่อมจะมีผลมากกว่า เหมือนกับทำอะไรแล้วย่อมรับรู้แล้วติดตามกิจการงานที่ตนกระทำไว้เหล่านั้น อยู่เสมอ ก็ย่อมจะได้รับประโยชน์เสมอๆ
คัดจากหนังสือธรรมะ |